เมนู

[83] ดูก่อนอุปวาณะ อีกประการหนึ่ง ภิกษุฟังเสียงด้วยหู
สูดกลิ่นด้วยจมูก ลิ้มรสด้วยลิ้น.
[84] ดูก่อนอุปวาณะ อีกประการหนึ่ง ภิกษุรู้ซึ่งธรรมารมณ์
ด้วยใจแล้วรู้เสวยธรรมารมณ์ แต่ไม่รู้เสวยความกำหนัดในธรรมารมณ์
และรู้ชัดซึ่งความกำหนัดในธรรมารมณ์อันไม่มีในภายในว่า เราไม่มีความ
กำหนัดในธรรมารมณ์ในภายใน อาการที่ภิกษุรู้ธรรมารมณ์ด้วยใจแล้ว
รู้เสวยธรรมารมณ์ แต่ไม่รู้เสวยความกำหนัดในธรรมารมณ์ และรู้ชัดซึ่ง
ความกำหนัดในธรรมารมณ์อันไม่มีในภายในว่า เราไม่มีความกำหนัดใน
ธรรมารมณ์ในภายใน อย่างนี้แล เป็นธรรมอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง.
ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชน
พึงรู้เฉพาะตน.
จบ อุปวาณสูตรที่ 8

อรรถกถาอุปวาณสูตรที่ 8


ในอุปวาณสูตรที่ 8 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.


บทว่า รูปปฏิสํเวที ความว่า กำหนดอารมณ์ต่างโดยกสิณมีนีล
กสิณและปีตกสิณเป็นต้น ทำรูปให้เป็นอันตนรู้แจ้งแล้ว. ถามว่า เพราะ
เหตุไรจึงเป็นผู้ได้ชื่อว่ารู้แจ้งรูป. แก้ว่า เพราะภาวะที่กิเลสยังมีอยู่นั้นแล
ชื่อว่ากระทำรูปราคะให้เป็นอันตนรู้แจ้งแล้ว ฉะนั้น ท่านจึงกล่าวว่า
รูปราคปฏิสํเวทิ. คำว่า. สนฺทฏฺฐิโก เป็นต้น มีอรรถได้กล่าวไว้แล้ว

ในคัมภีร์วิสุทธิมรรคนั้นแล. บทว่า โน จ รูปราคปฏิสํเวที ความว่า
เพราะภาวะที่กิเลสไม่มีนั่นแล ชื่อว่าไม่กระทำรูปราคะให้เป็นอันตนรู้แจ้ง
แล้ว ฉะนั้น จึงตรัสว่า โน จ รูปราคปฏิสํเวที ดังนี้. ในพระสูตรนี้
ตรัสปัจจเวกขณญาณของพระสขะและอเสขะ.
จบ อรรถกถาอุปวาณสูตรที่ 8

9. ปฐมผัสสายตนสูตร


ว่าด้วยผู้ไม่ทราบชัดความเกิดเป็นต้นเป็นผู้ไกลจากธรรมวินัย


[85] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุบางรูปไม่ทราบชัด ความเกิด
ความดับ คุณ โทษ และอุบายเครื่องสลัดออกแห่งผัสสายตนะ 6 ตามความ
เป็นจริง พรหมจรรย์อันเธอยังไม่อยู่จบแล้ว เธอชื่อว่าเป็นผู้ไกลจากธรรม
วินัยนี้ เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุรูปหนึ่งได้กราบทูล
พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เป็นผู้ฉิบหายใน
ศาสนานี้ เพราะข้าพระองค์ไม่ทราบชัด ความเกิด ความดับ คุณ โทษ
และอุบายเครื่องสลัดออกแห่งผัสสายตนะ 6 ตามความเป็นจริง.
พ. ดูก่อนภิกษุ เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เธอพิจารณา
เห็นจักษุว่า นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นตัวตนของเรา ดังนี้หรือ.
ภิ. หามิได้ พระเจ้าข้า.
พ. ดีละ ภิกษุ ในข้อนี้ การที่เธอพิจารณาเห็นจักษุด้วยอาการ
อย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ดังนี้
จักเป็นอันเธอเห็นดีแล้วด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริง นี้แล
เป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯลฯ